ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศบรรลุกรอบข้อตกลงการค้าต่างตอบแทน (Framework for an Agreement on Reciprocal Trade) กับประเทศไทย ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ผู้ส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมและเกษตรของสหรัฐฯ เข้าถึงตลาดไทยได้อย่างไม่เคยมีมาก่อน โดยไทยจะยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ 99% ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ มุ่งลดอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีสำหรับสินค้าสหรัฐฯ พร้อมกระชับความร่วมมือด้านความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และยืนยันมูลค่าการค้าที่จะเกิดขึ้นรวมกว่า 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์
 
            ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศข้อตกลงการค้ากับราชอาณาจักรไทย โดยเน้นย้ำถึงการมอบสิทธิประโยชน์ในการเข้าถึงตลาดในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนสำหรับชาวอเมริกัน ข้อตกลงนี้จะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคี และสนับสนุนความมั่นคงทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
สาระสำคัญของข้อตกลง:
- 
	ภาษีศุลกากร: ไทยจะยกเลิกภาษีนำเข้าใน 99% ของสินค้าทั้งหมด ครอบคลุมสินค้าอุตสาหกรรม เกษตรและอาหารจากสหรัฐฯ ส่วนสหรัฐฯ จะคงอัตราภาษีตอบแทน 19% สำหรับสินค้านำเข้าจากไทย และจะพิจารณาปรับเป็น 0% สำหรับสินค้าบางรายการที่อยู่ในบัญชีแนบท้ายคำสั่งฝ่ายบริหารเลขที่ 14346 
- 
	ลดอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษีสำหรับสินค้าอุตสาหกรรม: ไทยตกลงรับรองมาตรฐานความปลอดภัยของยานยนต์ตามกฎหมายสหรัฐฯ, ยอมรับใบรับรองจากองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) สำหรับเครื่องมือแพทย์และยา, อนุญาตนำเข้าเอทานอลเป็นเชื้อเพลิง, ปรับปรุงกฎหมายศุลกากรเพื่อลดการให้รางวัลจากค่าปรับ และดำเนินการตามแนวทางกำกับดูแลที่โปร่งใส 
- 
	เปิดตลาดสินค้าเกษตรสหรัฐฯ: ไทยจะเร่งอนุมัติการนำเข้าเนื้อสัตว์และสัตว์ปีกจากโรงงานที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานความปลอดภัยอาหารของสหรัฐฯ (FSIS), แก้ไขเงื่อนไขกีดกันทางเทคนิคสำหรับสินค้าเกษตร เช่น ข้าวโพดอบแห้ง และยอมรับใบรับรองสินค้าจากหน่วยงานสหรัฐฯ 
- 
	ยกเลิกอุปสรรคด้านการค้าและบริการดิจิทัล: ไทยจะไม่จัดเก็บภาษีบริการดิจิทัลหรือมาตรการเลือกปฏิบัติต่อแพลตฟอร์มสหรัฐฯ, อนุญาตให้มีการโอนข้อมูลข้ามพรมแดนอย่างเสรี, สนับสนุนการงดเก็บภาษีศุลกากรจากการส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO), ยกเลิกข้อบังคับประมวลผลธุรกรรมบัตรเดบิตภายในประเทศ และผ่อนคลายข้อจำกัดการถือหุ้นต่างชาติในธุรกิจโทรคมนาคม 
- 
	ทรัพย์สินทางปัญญา: ไทยให้คำมั่นแก้ไขปัญหาการละเมิดเครื่องหมายการค้า ลิขสิทธิ์ และการละเมิดสิทธิบัตร รวมถึงจัดการกับองค์กรจัดเก็บลิขสิทธิ์เถื่อน และความล่าช้าในการจดสิทธิบัตร พร้อมร่วมกำหนดกรอบการคุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) 
- 
	ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ: ทั้งสองประเทศจะร่วมมือสร้างความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน ป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษี และร่วมดำเนินมาตรการควบคุมการส่งออกและการลงทุนในสาขายุทธศาสตร์ 
- 
	สิทธิแรงงานและสิ่งแวดล้อม: ไทยจะปรับปรุงกฎหมายแรงงานให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ส่งเสริมสิทธิการรวมตัวและการเจรจาต่อรองของแรงงาน รวมทั้งเพิ่มการบังคับใช้กฎหมายในภาคส่วนที่มีความเสี่ยงต่อแรงงานบังคับและแรงงานเด็ก พร้อมรักษามาตรฐานการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมให้มีประสิทธิภาพสูงสุด 
- 
	ดีลการค้าขนาดใหญ่: สหรัฐฯ และไทยเตรียมลงนามข้อตกลงทางพาณิชย์ระหว่างบริษัทเอกชนในภาคเกษตร พลังงาน และการบิน มูลค่ารวมกว่า 26,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ - 
		สินค้าเกษตร (ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กากถั่วเหลือง และธัญพืชแห้ง) มูลค่าราว 2.6 พันล้านดอลลาร์/ปี 
- 
		พลังงาน (ก๊าซธรรมชาติเหลว น้ำมันดิบ และอีเทน) มูลค่าราว 5.4 พันล้านดอลลาร์/ปี 
- 
		จัดซื้อเครื่องบินจากสหรัฐฯ จำนวน 80 ลำ มูลค่ารวม 18.8 พันล้านดอลลาร์ 
 
- 
		
แนวทางข้างหน้า: สหรัฐฯ และไทยจะเร่งเจรจาเพื่อสรุปและลงนามข้อตกลงฉบับสมบูรณ์ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าการส่งออกของสหรัฐฯ ลดการขาดดุลการค้ากับไทย และขยายโอกาสให้เกษตรกร ผู้ผลิต และธุรกิจขนาดกลาง–ขนาดย่อมของอเมริกา
ข้อตกลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย "America First" ที่ประธานาธิบดีทรัมป์ผลักดันมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อขจัดอุปสรรคทางการค้าไม่เป็นธรรม และฟื้นฟูสมดุลทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศพันธมิตร โดยไทยถือเป็นหนึ่งในคู่ค้าหลักที่สหรัฐฯ ต้องการสร้างความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ระยะยาว โดยปัจจุบันประเทศไทยเป็นประเทศที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าสินค้ามากเป็นอันดับที่ 11 ซึ่งมีมูลค่ารวม 45 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024.
เครดิต : https://www.thairath.co.th/news/foreign/2891896
